ปัจจุบัน
การเริ่มต้นธุรกิจการเกษตรหรือต่อยอดจากสิ่งที่บรรพบุรุษได้ทำไว้ เลือกสวนไร่นาที่รอคอยคนรุ่นใหม่เปลี่ยนผ่านเข้ามาทดแทนคนรุ่นเก่า ทีร่างกายเริ่มชราภาพลง
ตัวเลขทางสถิติการสำมะโนเกษตรปี
2556 พบว่า
จำนวนการถือครองพื้นที่ทางการเกษตรกรเฉลี่ย
19.4 ไร่ต่อครัวเรือน
จากจำนวนผู้ถือครองทำการเกษตรทั้งประเทศ 5.9 ล้านคน
มีตัวเลขน่าสนใจในแง่ของการศึกษาและอายุ
ระดับประถมศึกษา ปี2546 70% ลดลงเหลือ 64%ในปี 2556
ส่วนระดับที่จบปวส-ปริญญาตรี
ปี 2546 1.5% เพิ่มขึ้นเป็น
5.5% หรือเพิ่มขึ้นเกือบ
200% ในปี 2556
ผมเชื่อว่าภาวะปัจจุบันที่มีทั้งการระบาดของไวรัสโควิดและการล่มสลายของโครงสร้างเศรษฐกิจทุนนิยมจากโควิด
ภาคการเกษตรมีแนวโน้มที่จะมีคนที่มีระดับการศึกษาที่สูงขึ้น เข้ามาทำการเกษตรมากขึ้น
ก่อนวิกฤติการณ์โควิด
มีหลากหลายปัจจัยที่ทำให้คนมีการศึกษาออกมาอยู่ตามชนบทและผันตัวมาเป็นเกษตรกรเต็มตัว และหลังวิกฤติก็มีความเป็นไปได้ที่คนเมืองจะย้ายออกสู่ชนบทมากขึ้น
สำหรับผมเองได้เริ่มต้นไร่ปลูกรักในปี 2543 ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างที่ลงตัว แต่สำหรับคนใน พ.ศ.นี้
ที่กำลังจะเริ่มต้นมาทำเกษตรเป็นอาชีพ
ต้องการอะไรบ้าง
ผมเชื่อว่าบริบทสังคม
เมื่อยี่สิบปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน
ได้เปลี่ยนแปลงภาคชนบท การผลิต การตลาด ข้อมูลข่าวสารของเกษตรกรไปมากจนเรียกว่า
โลกหมุนเร็ว กว่าชีวิตที่เคยดำรงอยู่ก่อนเหมือนสมัยเรียมขวัญ
40-60 ปีที่เเล้ว
จนบางครั้งเหมือนเราได้รู้ข้อมูลทุกอย่าง แต่พอลงมือทำกลับเข้ารกเข้าพงไปคนละเรื่อง
การเริ่มถากถางที่ดินที่แท้จริง
จึงอยู่ที่การเข้าใจบริบทภายในใจ
ภายในที่ดินและปัจจัยภายนอก
การตระหนักรู้เหตุปัจจัยในสภาพก่อนโควิด ซึ่งเป็นยุคของข้อมูล
ข่าวสาร แต่วงการเกษตรไทยกลับโดนปกคลุมด้วยเมฆหมอกของข้อ
มูลข่าวสารหลายๆอย่าง
เช่น การประท้วงที่เรื่องอยากใช้สารเคมีโดยเกษตรกรเอง
แม้จะมีผล
ต่อสุขภาพและระบบที่ยั่งยืนทางการเกษตร,ในร้านหนังสือ และ youtube จะต้องมี
พาดหัวว่าเกษตรแล้วจะได้เงิน"หลักแสน" "หลักล้าน"หรือ
"หลักร้อยๆล้าน"
ผมเองไม่ได้คิดว่าเรื่องรายได้ไม่สำคัญหรอกครับ
แต่การเริ่มต้นการเกษตรบนที่ดินของตนเองที่จะอยู่เป็นมรดกของลูก
หลานต่อไป
จะคิดแบบทำไร่เลื่อนลอยที่เน้นทำเกษตรแบบเล่นหุ้น
ไม่ได้
ผลระยะยาวอาจจะได้ไม่คุ้มเสีย
เพราะอัตราการหมุนของโลกเร็วขึ้น
ราคา
คู่แข่งมากขึ้น การเข้าสู่ตลาดของทุกคนง่ายขึ้นและมีบรรษัท
ใหญ่ๆทั้งระดับประเทศและระดับโลกจ้องตลาดใหม่ๆทางการเกษตร
ด้วยสายตาเป็นมัน
โดยเฉพาะในตลาดเกษตรอินทรีย์ครับ
ส่วนท่านที่เป็นคนเมืองแต่มีที่ดินว่างเปล่า อยากอยู่แบบพอเพียง แต่
พอเริ่มถากถางที่ดิน
คิดจะเริ่มปลูกที่อยากกิน ค่าแรงคนตัดหญ้า คน
รดน้ำเดือนๆนึงต้องจ่ายแบบไม่มีรายรับที่สมกับการลงทุนแบบชวน
กลุ้มใจ
และการได้อยู่ได้กินแบบพอเพียงเป็นเรื่องที่ต้องเดิมพันสำหรับคนยุคหลังโควิดครับ
การออกแบบ
คิดคำนวนและวางแผนให้กับที่ดิน ทั้งในเชิงธุรกิจเกษตรอินทรีย์
ด้วยมิตรภาพ
#กานต์ไร่ปลูกรัก
#20ปีไร่ปลูกรัก